ทำไมให้หยุดกินกุ้ง ปู หอย ระหว่างดูแลสะเก็ดเงิน
กุ้ง ปู หอย ของโปรด+ภัยแฝงของคนชอบกิน
ก็ถ้ารู้อยู่แล้วว่ากินแล้วแพ้อย่ากินเลย
ก็ถ้ารู้ว่าแพ้อยู่แล้วว่ากินแล้วแพ้ อย่ากินเลย บางคนแพ้สัตว์เปลือกแข็งทุกชนิด, บางคนแพ้กุ้งทุกชนิด, บางคนแพ้กุ้งทะเล ไม่แพ้กุ้งแม่น้ำ,
บางคนกินกุ้งแบบแกะไส้จะไม่มีอาการแพ้ แต่ถ้าเผลอกินกุ้งแบบไม่แกะไส้มีคนแพ้เพราะอาหารที่กุ้งกินค้างไว้ในไส้ก็มี แพ้อาหารทีไรสะเก็ดเงินกำเริบทุกที เกาทั้งคืน อร่อยปากลำบากผิว ต้องห่างกันสักพัก หยุดกินของที่แพ้ไว้ก่อนดีกว่า เพื่อไม่ซ้ำเติมสะเก็ดเงินที่เป็นอยู่
ภัยแฝงของคนชอบกิน กุ้ง ปู หอย สัตว์กลุ่มนี้เป็นสัตว์หากินตามใต้ท้องน้ำ ดินเลนใต้แม่น้ำ พื้นทรายใต้ทะเล คือแหล่งสะสมของโลหะหนักหลายชนิด
เช่น ตะกั่ว แคดเมียม โลหะหนักปนเปื้อนจากมลพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นตลอดหลายปีโลหะหนักในแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นมาก กุ้ง ปู หอย รวมถึงปลาที่หากินบริเวณพื้นน้ำ เช่น ปลาดุก ปลากลุ่ม Catfish มีหนวด ปลาเมือกลื่นไม่มีเกล็ด
มีโอกาสกินอาหารและสะสมโลหะหนักเข้มข้นกว่าปลาอื่น เมื่อคนนำมากินก็จะได้รับโลหะหนักเข้าสู่ร่างกายเช่นกัน โลหะหนักมีผลต่อการร่างกาย จึงขอให้งดกินกุ้ง ปู หอย และปลาเมือกลื่นขณะบำบัดโรค เพื่อให้ได้ผลดี
สารพิษกลุ่ม Biotoxin ส่วนใหญ่พบในหอย เกิดจากแพงก์ตอนชนิดที่สร้างสารพิษ เมื่อหอยกินแพงก์ตอนที่มีสารพิษชีวภาพ พิษจึงสะสมไว้ หากคนนำหอยมากิน
ช่วงที่หอยสะสมสารพิษมากพอก็มีโอกาสเกิดอัมพาต ปากชา แน่นหน้าอก ท้องร่วงได้ ย้ำครับว่าสารพิษ Biotoxin ใช้ความร้อนกำจัดไม่ได้ เป็นอันตรายกับร่างกาย ใครมีอาการสะเก็ดเงินพิจารณาให้ดีก่อนจะกิน
แบคทีเรีย พ่วงพยาธิอีกหลายชนิด แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่กุ้ง ปู หอย อาศัยและเติบโต การกินกุ้ง ปู หอย รวมทั้งอาหารอื่นๆ ที่ปนเปื้อน
เป็นข้อควรระวังสำหรับผู้มีอาการสะเก็ดเงิน ในภาวะที่มีอาการของโรค เพราะร่างกายต้องการภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง การหลีกเลี่ยงอาหารแสลงเพื่อให้อาการของโรคสงบจึงเป็นเรื่องสำคัญ
สรุปว่าอยากกินกุ้ง ปู หอย ก็ต้องดูแลสะเก็ดเงินให้หายก่อน ค่อยกลับมากิน หรือเลิกกินไปเลยถ้ารู้อยู่แล้วว่ากินแล้วสะเก็ดเงินกำเริบ
ก็จะช่วยให้ร่างกายไม่มีปัจจัยไปกระตุ้นให้อาการสะเก็ดเงินกลับมา นอกจากกุ้ง ปู หอย ให้สังเกตว่าเรากินอะไรแล้วสะเก็ดเงินลาม คันมากขึ้น ให้หยุดกินอาหารนั้นทันที